อะไรคือการเทรดฟอเร็กซ์ และ มันทำงานอย่างไร?

คุณเคยถามตัวเองไหมว่า อะไรคือการเทรดฟอเร็กซ์ และ มันทำงานอย่างไร หรือการแลกเปลี่ยนสกุลเงินเกิดขึ้นได้อย่างไร? ในความเป็นจริง คุณอาจเคยมีส่วนร่วมในการเทรดฟอเร็กซ์โดยไม่รู้ตัว เช่น เมื่อคุณเดินทางไปต่างประเทศและต้องแลกเงิน นั่นแหละคือรูปแบบพื้นฐานของการเทรดฟอเร็กซ์ ความแตกต่างคือ บางคนแลกเงินเพื่อการเดินทาง แต่บางคนแลกเพื่อทำกำไร ดังนั้น อะไรคือการเทรดฟอเร็กซ์ และ มันทำงานอย่างไร? เราจะมาหาคำตอบกัน พร้อมเรียนรู้ความหมายของการเทรด CFD และดูตัวอย่างจริงของการเทรดฟอเร็กซ์ มาเริ่มกันเลย!

ฟอเร็กซ์คืออะไร?

1) ความหมายของฟอเร็กซ์

การเข้าใจว่า อะไรคือการเทรดฟอเร็กซ์ และ มันทำงานอย่างไร เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการตัดสินใจเทรดอย่างมีเหตุผล คำว่า ฟอเร็กซ์ (FOREX) มาจาก Foreign Exchange หรือ “ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ” ซึ่งเป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก มีปริมาณการซื้อขายหลายล้านล้านดอลลาร์ต่อวัน ตัวอย่างเช่น หากคุณเชื่อว่ายูโรจะมีค่ามากขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ คุณจะเลือกซื้อยูโร และขายออกในภายหลังเพื่อทำกำไร นี่คือหลักการพื้นฐานของการเทรดฟอเร็กซ์ ฟังดูง่ายใช่ไหม? แต่มันยังมีรายละเอียดอีกมากที่เราจะไปดูต่อกัน

ตลาดฟอเร็กซ์เปิดโอกาสมากมายให้กับเทรดเดอร์ แต่สิ่งสำคัญคือการเข้าใจความผันผวนของตลาด ราคาสกุลเงินได้รับอิทธิพลจากข่าวระดับโลก การเมือง เศรษฐกิจ และภัยธรรมชาติต่าง ๆ ปัจจัยเหล่านี้สามารถทำให้ค่าเงินแข็งหรืออ่อนลงได้อย่างมาก แต่ถ้าคุณวิเคราะห์ตลาดอย่างรอบคอบ คุณก็สามารถหาจังหวะเทรดที่ดีได้

อะไรคือการเทรดฟอเร็กซ์ และ มันทำงานอย่างไร: การเทรดสกุลเงิน

เมื่อเข้าใจพื้นฐานแล้ว เรามาดูกันว่า การเทรดฟอเร็กซ์ ในรูปแบบของคู่สกุลเงิน ทำงานอย่างไร:

การเทรดสกุลเงินจะเกิดขึ้นในรูปของ คู่เงิน (Currency Pairs) ซึ่งหมายความว่าคุณกำลังซื้อสกุลเงินหนึ่ง และขายอีกสกุลเงินหนึ่งในเวลาเดียวกัน คู่เงินแต่ละคู่ประกอบด้วย 2 สกุล:

• สกุลเงินหลัก (Base Currency) – สกุลแรกในคู่
• สกุลเงินอ้างอิง (Quote Currency) – สกุลที่สองในคู่

ตัวอย่าง EUR/USD ยูโรคือ สกุลหลัก และดอลลาร์สหรัฐคือ สกุลอ้างอิง หากอัตราแลกเปลี่ยน EUR/USD เท่ากับ 1.10 หมายถึง 1 ยูโร = 1.10 ดอลลาร์ หากคุณคิดว่าค่ายูโรจะเพิ่มขึ้น คุณจะซื้อ EUR/USD แต่ถ้าคิดว่าจะลดลง คุณจะขาย ออก

ตัวอย่างการเทรดฟอเร็กซ์ง่าย ๆ

สมมติว่าคุณซื้อ EUR/USD ที่ราคา 1.10 และอีกไม่กี่วันต่อมาราคาเพิ่มขึ้นเป็น 1.15 นั่นหมายความว่ายูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หากคุณขายที่ราคาใหม่นี้ คุณจะได้กำไร ลองดูตัวเลขอย่างง่าย:

• ซื้อ EUR/USD 1,000 ยูโร ที่ 1.10 = $1,100
• ราคาขึ้นเป็น 1.15
• ขาย = $1,150
• กำไร = $50

เพียงเท่านี้คุณก็เข้าใจพื้นฐานของการเทรดฟอเร็กซ์แล้ว! อย่างไรก็ตาม ตลาดนี้มีทั้งโอกาสและความเสี่ยง ดังนั้น การศึกษาตลาดจึงเป็นสิ่งจำเป็นก่อนเริ่มลงทุน ต่อไปเราจะมาทำความรู้จักประเภทของคู่เงินกัน

อะไรคือการเทรดฟอเร็กซ์ และ มันทำงานอย่างไร: คู่เงินหลัก คู่เงินรอง และ คู่เงินแปลกใหม่

คู่เงินในตลาดฟอเร็กซ์แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ คู่หลัก คู่รอง และ คู่แปลกใหม่ ตัวอย่างเช่น:

• คู่หลัก (Major Pairs): EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD
• คู่รอง (Minor Pairs): EUR/GBP, GBP/JPY
• คู่แปลกใหม่ (Exotic Pairs): USD/TRY, USD/ZAR

การเลือกคู่เงินที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดของเทรดเดอร์ แต่ละประเภทมีระดับความเสี่ยงและความผันผวนต่างกัน เรามาดูรายละเอียดกัน

1) คู่เงินหลัก (Major Pairs)

คู่เงินหลัก เป็นคู่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและมีความเสถียรสูง ตัวอย่างเช่น:

• EUR/USD (ยูโร / ดอลลาร์สหรัฐ)
• USD/JPY (ดอลลาร์สหรัฐ / เยนญี่ปุ่น)
• GBP/USD (ปอนด์อังกฤษ / ดอลลาร์สหรัฐ)

• ข้อดี: สภาพคล่องสูง สเปรดแคบ มีข้อมูลข่าวสารมาก
• ข้อเสีย: ความผันผวนต่ำ กำไรต่อการเคลื่อนไหวอาจน้อยสำหรับสายสั้น

2) คู่เงินรอง (Minor Pairs)

คู่เงินรอง ไม่ได้มีดอลลาร์สหรัฐอยู่ในคู่ แต่ยังคงมีการซื้อขายสูง เช่น:

• EUR/GBP (ยูโร / ปอนด์)
• GBP/JPY (ปอนด์ / เยน)
• AUD/NZD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย / ดอลลาร์นิวซีแลนด์)

• ข้อดี: ความผันผวนมากกว่า เหมาะกับเทรดเดอร์ระดับกลาง
• ข้อเสีย: สเปรดกว้าง สภาพคล่องน้อยกว่า อ่อนไหวต่อข่าวท้องถิ่น

3) คู่เงินแปลกใหม่ (Exotic Pairs)

คู่เงินแปลกใหม่ ประกอบด้วยสกุลเงินหลักหนึ่งสกุล และสกุลจากประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น:

• USD/TRY (ดอลลาร์สหรัฐ / ลีราตุรกี)
• USD/ZAR (ดอลลาร์สหรัฐ / แรนด์แอฟริกาใต้)
• EUR/SEK (ยูโร / โครนาสวีเดน)

• ข้อดี: เคลื่อนไหวแรง โอกาสกำไรสูง
• ข้อเสีย: สเปรดกว้าง สภาพคล่องต่ำ เสี่ยงต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

คู่เงินแปลกใหม่มักเหมาะกับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์สูงและยอมรับความเสี่ยงได้มาก ตอนนี้คุณได้รู้พื้นฐานของฟอเร็กซ์ การเทรดคู่เงิน และตัวอย่างต่าง ๆ แล้ว ต่อไปเราจะเข้าสู่หัวข้อ CFD ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเทรดสมัยใหม่

อะไรคือการเทรดฟอเร็กซ์ และ มันทำงานอย่างไร: ความหมายของการเทรด CFD

สำหรับผู้เริ่มต้น ควรเข้าใจให้ชัดเจนว่า CFD คืออะไร CFD ย่อมาจาก Contract for Difference หรือ “สัญญาซื้อขายส่วนต่าง” เป็นข้อตกลงทางการเงินระหว่างคุณกับโบรกเกอร์ ที่คุณไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง (เช่น หุ้น หรือ สกุลเงิน) แต่สามารถเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาแทนได้ กล่าวง่าย ๆ การเทรด CFD คือการทำสัญญาเพื่อแลกเปลี่ยนส่วนต่างของราคาระหว่างจุดที่เปิดและปิดตำแหน่งนั่นเอง

คุณสามารถเลือก:

• เปิดซื้อ (Long): หากคิดว่าราคาจะขึ้น
• เปิดขาย (Short): หากคิดว่าราคาจะลง

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเชื่อว่า EUR/USD จะปรับตัวขึ้น คุณสามารถ “เปิดซื้อ” ได้ หากราคาขึ้นจริง คุณจะได้กำไรจากส่วนต่างระหว่างราคาที่เปิดและปิด แต่หากราคาลดลง คุณจะขาดทุน ในทางกลับกัน หากคุณคาดว่าราคาจะลดลง คุณสามารถ “เปิดขาย” และได้กำไรเมื่อราคาลดลงตามที่คาดไว้

ตัวอย่างจริง:

• คุณซื้อ EUR/USD ที่ราคา 1.1000
• และขายที่ราคา 1.1200
• ราคาขยับขึ้น 200 จุด (pips) หรือ 0.0200

ถ้าคุณเทรด 1 ล็อตมาตรฐาน (100,000 หน่วย) จะเท่ากับ:

• $10 ต่อ pip × 200 pips = กำไร $2,000

แต่ถ้าราคาตรงข้ามกับที่คาด คุณก็จะขาดทุน $2,000 เช่นกัน

หากคุณยังไม่เข้าใจคำว่า “pip” ไม่ต้องกังวล เราจะอธิบายอย่างละเอียดในบทเรียนถัดไปของ EC Markets Academy!

อะไรคือการเทรดฟอเร็กซ์ และ มันทำงานอย่างไร: คำจำกัดความของ CFD

CFD คือวิธีการเก็งกำไรการเคลื่อนไหวของราคาตลาด ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของการเทรดสมัยใหม่ แม้ CFD จะถูกใช้บ่อยในการเทรดฟอเร็กซ์ แต่ก็สามารถใช้กับสินทรัพย์ประเภทอื่นได้ เช่น:

ฟอเร็กซ์ (สกุลเงิน) – เช่น EUR/USD, GBP/JPY
ดัชนี – เช่น S&P 500, NASDAQ
สินค้าโภคภัณฑ์ – เช่น ทองคำ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ
หุ้น – เช่น Apple, Tesla
คริปโตเคอร์เรนซี – เช่น Bitcoin, Ethereum

เมื่อเข้าใจหลักการของ CFD แล้ว คุณสามารถนำกลยุทธ์นี้ไปใช้กับสินทรัพย์ใดก็ได้ในตลาด

อะไรคือการเทรดฟอเร็กซ์ และ มันทำงานอย่างไร: ข้อดีของการเทรด CFD

1) การใช้เลเวอเรจ (Leverage)

หนึ่งในข้อดีหลักของ CFD คือ เลเวอเรจ ซึ่งช่วยให้คุณเปิดตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นโดยใช้เงินทุนน้อยกว่า ตัวอย่างเช่น หากเลเวอเรจคือ 1:30 คุณสามารถควบคุมตำแหน่งมูลค่า $3,000 ด้วยเงินเพียง $100 การใช้เลเวอเรจสามารถเพิ่มกำไรได้จากการเคลื่อนไหวเล็กน้อยของตลาด แต่ก็สามารถขยายการขาดทุนได้เช่นกัน ดังนั้นควรใช้อย่างระมัดระวัง

2) สามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง

แตกต่างจากการลงทุนทั่วไปที่ต้องรอให้ราคาขึ้นถึงจะทำกำไรได้ การเทรด CFD เปิดโอกาสให้คุณทำกำไรได้ทั้งเมื่อราคาขึ้นและลง หากคุณคาดว่าราคาจะขึ้น – เปิดซื้อ หากคิดว่าราคาจะลง – เปิดขาย

3) ไม่ต้องถือครองสินทรัพย์จริง

คุณไม่จำเป็นต้องซื้อหรือเป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง ทำให้การเทรด CFD สะดวกและยืดหยุ่นกว่า

4) เข้าถึงสินทรัพย์ได้หลายประเภท

คุณสามารถเทรดสินทรัพย์ได้หลากหลายผ่านแพลตฟอร์มเดียว เช่น MT4 หรือ MT5 เพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย

สรุป: ทบทวนกันอีกครั้ง!

หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้ แสดงว่าคุณเข้าใจพื้นฐานของ “อะไรคือการเทรดฟอเร็กซ์ และ มันทำงานอย่างไร” แล้ว

สรุปโดยย่อ:

• ฟอเร็กซ์คือการแลกเปลี่ยนสกุลเงินระหว่างคู่ เช่น EUR/USD หรือ GBP/JPY
• ตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีสภาพคล่องสูง
• คู่เงินแบ่งเป็น 3 ประเภท: คู่หลัก คู่รอง และคู่แปลกใหม่
• คู่หลักมีความเสถียรและเหมาะกับผู้เริ่มต้น
• คู่รองมีความผันผวนมากกว่า เหมาะกับผู้มีประสบการณ์
• คู่แปลกใหม่เสี่ยงสูงแต่มีโอกาสกำไรสูง

ส่วน CFD คือการเก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคา โดยไม่ต้องถือครองสินทรัพย์จริง สามารถใช้เลเวอเรจ ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงหากไม่บริหารจัดการอย่างเหมาะสม

คำถามที่พบบ่อย – อะไรคือการเทรดฟอเร็กซ์ และ มันทำงานอย่างไร?

ขอบคุณที่อ่านบทความ “อะไรคือการเทรดฟอเร็กซ์ และ มันทำงานอย่างไร” ตอนนี้คุณได้เข้าใจพื้นฐานแล้ว และพร้อมเรียนรู้กลยุทธ์การเทรดเพิ่มเติมกับ EC Markets Academy เพื่อพัฒนาทักษะและเพิ่มความมั่นใจในทุกการตัดสินใจ